ข่าวประชาสัมพันธ์
กลุ่มบริษัทค้าปลีกในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป
ชวนคนไทยร่วมใจสร้างความเชื่อมั่นกลับสู่ประเทศ
บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) สองผู้นำธุรกิจค้าปลีกของประเทศไทย ชวนคนไทยจับมือสร้างความเชื่อมั่นกลับสู่ประเทศ กระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายในประเทศด้วยการเที่ยวเมืองไทย ซื้อสินค้าไทย พร้อมร่วมมือภาครัฐสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในสายตานานาชาติ
ผู้บริหารของทั้งสองบริษัท นำโดย บุษบา จิราธิวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานตลาด บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์การเมืองเริ่มคลี่คลาย ในฐานะภาคเอกชนที่ดำเนินธุรกิจค้าปลีกซึ่งมีศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้ากระจายอยู่ทั่วประเทศขอให้ทุกฝ่าย โดยเฉพาะประชาชนไทยได้ร่วมมือร่วมใจสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศไทยในสายตานักท่องเที่ยวและนักลง ทุนต่างชาติ ทั้งนี้ ยืนยันจะลงทุนขยายธุรกิจตามแผนที่ได้ตั้งไว้ พร้อมมุ่งสร้างสรรกิจกรรมต่างๆ เพื่อเพิ่มดัชนี �ความรื่นเริงและความสุข� ให้กับมวลชน
บุษบา จิราธิวัฒน์ กล่าวว่า �บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้ตระหนักถึงปัญหาเศรษฐกิจการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นอย่างดี จึงขอให้คนไทยทั้งประเทศจับมือร่วมใจกันเสริมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่ง เริ่มต้นด้วยการ�เที่ยวเมืองไทย ใช้สินค้าไทย และซื้อสินค้าภายในประเทศไทย� เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศ ทั้งนี้ เซ็นทรัลรีเทลและ บริษัทในเครือ �เซ็นทรัล เซน โรบินสัน ท็อปส์ โฮมเวิร์ค เพาเวอร์บาย ซูเปอร์สปอร์ต บีทูเอส และออฟฟิศ ดีโป พร้อมที่จะสนับสนุนนโยบายของรัฐอย่างเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาเราได้จัดแคมเปญ �ช้อปช่วยชาติ� เพื่อช่วยเหลือให้ลูกค้าผู้ประกันตนได้จับจ่ายสินค้าที่ดีมีคุณภาพในราคาพิเศษ รวมถึงแคมเปญต่างๆที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาทิ Central No Bag Day Sales และโปรโมชั่นต่างๆ ของบริษัทในเครือเซ็นทรัลรีเทลทั้ง 9 บริษัท รวมถึง การร่วมโครงการ Amazing Thailand Grand Sales กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย �
นอกจากนั้น ยังย้ำชัดเจนว่า บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัดยังคงจะดำเนินตามแผนการขยายธุรกิจที่ บริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่า บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนไว้ 9,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่สูงที่สุดของกลุ่มในรอบ 5 ปี เพื่อสร้างสาขาใหม่ 2 สาขา โรบินสัน ชลบุรี โรบินสัน ขอนแก่น และคอมมูนิตี้มอลล์ ถ.ราชพฤกษ์ รวมถึงการร่วมทุนและการรีโนเวทร้านค้าเดิมให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา นอกเหนือสิ่งอื่นใด การขยายกิจการต่างๆนี้จะทำให้เกิดการสร้างงานให้กับคนไทยกว่า 10,000 ตำแหน่ง จ้างเพิ่มขึ้น 3,400 ตำแหน่ง และ 6,500 ตำแหน่ง สำหรับสาขาปัจจุบันที่อาจมีการว่างลง รวมถึง 100 ตำแหน่งสำหรับระดับบริหาร และในส่วนของ เซ็นทรัลพัฒนาที่ได้ตั้งงบไว้กว่า 5,600 ล้าน สำหรับ 4 โครงการใหม่ คือ เซ็นทรัลพลาซาแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช ซึ่งเปิดให้บริการไปแล้ว และเซ็นทรัลพลาซา ชลบุรี และเซ็นทรัลพลาซา ขอนแก่น ที่มีกำหนดจะเปิดให้บริการในเดือนพฤษภาคม และธันวาคมปีนี้ พร้อมทั้งการปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ของเซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ยังคงดำเนินไปตามแผน ไม่เปลี่ยนแปลง
สำหรับภาครัฐ กลุ่มบริษัทฯมองว่าควรเร่งดำเนินแผนงานที่วางไว้ทันที พร้อมขยายผลการลงทุนของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจให้เห็นผลอย่างชัดเจน ในเวลาเดียวกันก็ควรเพิ่มเม็ดเงินในการประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ของประเทศที่ดี ดึงนักลงทุนและนักท่องเที่ยวกลับมา
ดร. ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า �เพื่อเป็นการกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายในประเทศ เซ็นทรัลพัฒนาได้เตรียมจัดอีเว้นท์และโปรโมชั่นเต็มที่ ตั้งแต่เดือนเมษานี้เป็นต้นไป อาทิ งานคอนเสิร์ต Melody of Life, งาน Floating Market ในงาน Amazing Thailand Grand Sale, งานศิลปาชีพ, งานโครงการหลวงซึ่งจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ โดยกิจกรรมเหล่านี้เป็นกิจกรรมสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นการจับจ่ายสินค้าไทย เพื่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังเป็นงานที่จะช่วยโปรโมตการท่องเที่ยวของไทย รวมถึงดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนประเทศไทยมากขึ้นด้วย ในด้านการรักษาความปลอดภัย ศูนย์การค้าของเรามีการจัดระบบการรักษาความปลอดภัยที่ได้มาตรฐาน และมีการประสานงานกับสันติบาลและศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติเพื่อประเมินสถานการณ์และเพิ่มระดับการรักษาความปลอดภัย โดยคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาในศูนย์ฯ เป็นสำคัญ�
ในฐานะที่บริษัทกลุ่มเซ็นทรัลอยู่คู่กับคนไทยมากว่า 60 ปี เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย และมุ่งมั่นที่จะร่วมกันพัฒนาประเทศไทย และผลักดันสังคมให้ไปในทางที่ดีขึ้น จึงอยากขอให้คนไทยทุกคนมาร่วมแรงร่วมใจในการสร้างความเชื่อมั่นให้กลับคืนสู่ประเทศร่วมกัน
............................................................................
0 comments:
Post a Comment